
ความสวยและความสามารถที่สั่งสมมาจากการทุ่มเทให้กับการเรียนทางด้านการแสดง ส่งผลให้วันนี้ วริยา ขัติพิบูลย์ หรือ ตุ้ย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 วิชาเอกศิลปะไทย วิชาโทการละคร คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผ่านเข้ารอบ 14 คนสุดท้ายของเวทีประกวดดัชชี่บอยแอนเกิร์ล 2006 (Dutchie Boy & Girls 2006) ภายหลังการประกวดตุ้ยได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด Coolhunter ตุ้ยบอกว่าการเรียนการแสดงของเธอไม่ใช่เพื่อเป็นดาราแต่เป็นเพราะเธอรักการแสดง
ตุ้ย เล่าให้ฟังว่าเริ่มเรียนการแสดงครั้งแรกจากสถาบันสโมสรเชียงใหม่การแสดง ซึ่งอำนวยการสอนโดย ครูต้อ - ชาติชาย แก้วสว่าง หลังจากนั้นเธอได้เข้าเรียนการแสดงและแสดงละครเวทีเรื่อง 'ขูลู - นางอั้ว' กับคณะละครมรดกใหม่ อำนวยการสอนโดย ครูช่าง - ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง รวมทั้งเข้าร่วมฝึกการแสดงกับกลุ่มละครมะขามป้อม หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้แสดงละครเวทีรวมทั้งเรียนการแสดงมาอย่างต่อเนื่อง
"ตอนเรียนคนอื่นก็เข้าใจตลอดว่าเราอยากเป็นดาราถึงมาเรียนการแสดง เราก็ถามตัวเองว่าเราอยากเป็นดาราใช่มั้ย เราก็ตอบไม่ถูกแต่ไม่ใช่ความอยากเป็นดาราแน่นอน เราเรียนเพราะความชอบ ความสนุกและได้ทำในสิ่งที่รักมากกว่า ถึงตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่ ยิ่งเรียนมากขึ้น ยิ่งได้เจอครูเยอะๆ ก็จะทำให้เราได้เทคนิค และมุมมองทางการแสดงมากขึ้น เพราะครูแต่ละคนก็มีเทคนิคต่างกัน"
นอกจากเรียนการแสดงในโรงเรียนการแสดงแล้ว เธอยังมีโครงการเรียนต่อปริญญาโทด้านการแสดงที่จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยที่กำลังจะเปิดสอนเป็นปีแรกอีกด้วย "ตอนนี้ก็กำลังเรียนรู้ไปเรื่อยๆ หลังเรียนจบเลยคิดว่าจะไปสอบเรียนต่อปริญญาโทด้านศิลปะการละครของจุฬาฯ เราชอบเล่นละครเพราะสนุก แค่อ่านบทละครก็สนุกแล้ว ตอนนี้ก็เลยต้องอ่านหนังสือเยอะๆ เพื่อเตรียมตัวสอบ"
การเรียนการแสดงนอกจากจะช่วยเรื่องบุคลิกภาพ การเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับคนอื่นและทำงานเป็นทีมแล้ว ตุ้ย บอกว่ายังทำให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้นอีกด้วย "การเรียนแอคติ้งทำให้เรามองคนลึกขึ้น เวลาเราต้องเล่นบทอะไรก็ต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถ้าเราเล่นละครต้องรู้มากกว่าบทที่ให้มา เรียนรู้และทำความเข้าใจว่าทำไมเขาบ้า ทำไมเขาถึงเป็นฆาตกร เพราะคนเราไม่ได้มีแค่ด้านเดียวหรือมุมเดียว ในมุมที่เขาเป็นฆาตกรเขาอาจจะมีความจำเป็นบางอย่างหรือมีปมมาตั้งแต่เด็ก แอคติ้งคือการศึกษามนุษย์ในทุกอย่างทั้งท่าทาง และการสังเกตพฤติกรรม
"อย่างตอนประกวดดัชชี่ได้รับบทเป็นแม่นาคก็ยากเหมือนกันเพราะต้องจินตนาการให้ได้ว่าตัวเองเป็นวิญญาณที่รอคอยคนรัก แล้ววิญญาณเป็นยังไงก็คิดหนัก (หัวเราะ) หลังจากได้บทมาก็ต้องซ้อม ต้องทำการบ้าน ฝึกทั้งร่างกาย การหายใจ การใช้เสียง และออกกำลังกาย ต้องใช้ร่างกายทุกส่วนสื่ออารมณ์ในการแสดง เพราะแอคติ้งต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายไม่ใช่แค่หน้าหรือเสียงเท่านั้น"
เธอเล่าต่อว่า จุดมุ่งหมายสูงสุดของเธอคือเป็นอาจารย์สอนการแสดง เพราะนอกจากจะได้ทำงานอย่างที่ตัวเองรักแล้วการได้ถ่ายทอดความรู้นับเป็นความสุขอย่างหนึ่งสำหรับชีวิตการแสดงของเธอ
"อยากเป็นครูสอนการแสดงเพราะคิดว่าคงดีนะถ้าสิ่งที่เราชอบมีคนสนใจ แล้วเราก็มีนักเรียน มีลูกศิษย์
ไม่ใช่ว่าเราจะเก่งมากนะ แต่รู้สึกว่าเราก็มีอาจารย์ที่เราอยากคุยด้วย อยากวิ่งเข้าไปหาหรือเจอก็ไหว้ ถ้าเราได้รับอย่างนั้นบ้างคงมีความสุขดี ทำให้เราอยากเรียนต่อโททางด้านนี้และกลับมาเป็นอาจารย์มีโรงเรียนของตัวเอง แต่คงเป็นหนทางที่ไกลมาก"
ตุ้ย บอกว่าสิ่งสำคัญในการเป็นนักแสดงคือต้องมีวินัยในการซ้อม และตรงต่อเวลา "เราต้องทำงานกันเป็นทีมทำให้ต้องรักษาและดูแลตัวเองด้วย เพราะถ้าเราเป็นอะไรไปคนอื่นก็ทำงานไม่ได้ คือต้องมีความรับผิดชอบ เมื่อก่อนคิดว่าอยากเป็นนักแสดงที่ดี ที่ไม่ใช่ดารานะ เป็นนักแสดงแบบเล่นละครไม่ต้องได้เงินก็ได้ เราเป็นคนที่ถ้าอยากทำแล้วไม่ต้องพูดเรื่องเงิน
"ทำเพราะมีความสุขที่จะทำ"
สัมภาษณ์ นิตยสาร HIP : Feb 2007
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น